พลังงานไทย ตอนที่1 ขบวนการ “สามทวงคืน” จากรัฐบาลทุนสามานย์

oilfield

ในช่วงระยะสองปีมานี้ ขบวนการโจมตีรัฐบาลและบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ในประเด็นราคาน้ำมันแพง ได้ขยายตัวขึ้นจนเป็นประเด็นถกเถียงทั่วไปว่าพลังงานไทย พลังงานใครทำไมบ้านเราราคาน้ำมันถึงแพง ทำไมต้องอิงราคาตลาดสิงคโปร์จนเกิดเป็นเครือข่ายกลุ่ม ทวงคืน ปตท” หรือ “ทวงคืนพลังงานไทย มีผู้คนเข้าร่วมบนสื่อออนไลน์หลายพันคนแม้แต่คนเสื้อแดงส่วนหนึ่งก็ได้เข้าร่วมด้วย

ขบวนการ “ทวงคืน” ดังกล่าว มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ริเริ่มโดยนักเคลื่อนไหวองค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภาเริ่มแรกมุ่งโจมตีนโยบายการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลไทยรักไทยโดยรวมและเน้นไปที่การแปลงสภาพรัฐวิสาหกิจการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เป็นบริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2544 ในเวลานั้น คนพวกนี้กล่าวหาว่า มีการแจกจ่ายหุ้นปตท.ในหมู่นักการเมืองพรรคไทยรักไทยและเครือญาติ ชูป้าย “ทวงคืนสมบัติชาติ” ต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด ในกรณีของ ปตท.ก็ได้ไปฟ้องเป็นคดีในศาลปกครอง ให้ยกเลิกการแปลงสภาพ ปตท.ซึ่งยืดเยื้อมาถึงปี 2550 เมื่อเกิดกรณีการจดทะเบียนมรดกโลกของปราสาทพระวิหารในสมัยรัฐบาลพรรคพลังประชาชน กลุ่มสันติอโศก พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนักการเมืองสว.กลุ่มเผด็จการก็รวมตัวกันเคลื่อนไหว “ทวงคืนแผ่นดินไทย”ฉวยใช้กรณีปราสาทพระวิหารปลุกกระแสคลั่งชาติเพื่อโค่นล้มรัฐบาลพรรคพลังประชาชนเรียกร้องให้ยกเลิกบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (เอ็มโอยู) ปี 2543 ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา

การเคลื่อนไหว “ทวงคืนแผ่นดินไทย” ได้ขยายประเด็นปราสาทพระวิหารไปสู่พื้นที่ทับซ้อนอื่นๆตลอดแนวพรมแดนไทย-กัมพูชา แล้วเอามาผูกโยงกับประเด็นผลประโยชน์พลังงานโดยลากเส้นพรมแดนของพวกตนลงไปครอบคลุมแหล่งก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเพื่อแสดงว่า การ “สูญเสียดินแดน” บนบกจะนำไปสู่การ “สูญเสียพื้นที่ทางทะเล” ให้แก่กัมพูชาด้วย จากนั้นก็กล่าวหา พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร รัฐบาลพรรคพลังประชาชนต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยปัจจุบันว่า เป็น ทุนสามานย์ ขายแผ่นดินไทย (คือปราสาทพระวิหาร พื้นที่ทับซ้อน และพื้นที่ทะเล)ให้กัมพูชาเพื่อแลกกับสัมปทานก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาในอ่าวไทยกลุ่มสันติอโศกและกลุ่มพันธมิตรฯสูญเสียมวลชนไปเกือบหมดจากความขัดแย้งกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และความแตกแยกกันเองในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 แต่กลุ่ม “ทวงคืน” ก็ยังเคลื่อนไหวต่อไป โดยหวนกลับมาที่ประเด็น ปตท.อีกครั้งแต่คราวนี้ได้ผนวกเอาประเด็นราคาน้ำมันแพงเข้ามาด้วย กลายเป็น “กลุ่มทวงคืนพลังงานไทย หรือ “กลุ่มทวงคืน ปตท ในปัจจุบัน

ขบวนการนี้จึงอาจเรียกได้ว่า เป็น “ขบวนการสามทวงคืน” คือทวงคืนสมบัติชาติ (ยกเลิกการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทั้งหมด) ทวงคืนแผ่นดินไทย (ปราสาทพระวิหารและพื้นที่ทับซ้อน) และทวงคืนพลังงานไทย (ต่อต้านปตท.และรัฐบาล กรณีก๊าซและน้ำมัน)

การที่กลุ่มสันติอโศกกลุ่มพันธมิตรฯและสมาชิกวุฒิสภากลุ่มเผด็จการต้องหันมาเคลื่อนไหวประเด็นเหล่านี้เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆก็เพราะความเสื่อมทรุดในทางการเมืองและความโดดเดี่ยวไร้มวลชนคนพวกนี้ไม่สามารถดึงดูดมวลชนด้วยการอ้างประชาธิปไตยได้อีกต่อไปแม้แต่การอ้างว่า ต่อสู้เพื่อสถาบันกษัตริย์ ก็ไม่ได้รับความเชื่อถือจึงเหลือแต่ประเด็นราคาน้ำมันแพงอันเป็นความเดือดร้อนร่วมกันของคนส่วนใหญ่อ้างว่า เป็นประเด็น “ไม่มีสี” เพื่อดึงประชาชน รวมทั้งคนเสื้อแดงมาเข้าร่วมให้ได้มากที่สุด

คนพวกนี้ดำเนินการอย่างชาญฉลาดโดยการปฏิเสธข้อมูลสาธารณะบางส่วนที่ได้จากรัฐบาลและปตท. อ้างว่า เป็น “ข้อมูลเท็จ” ขณะเดียวกัน ก็ใช้ข้อมูลสาธารณะส่วนที่เป็นประโยชน์เอาไปผสมปนเปกับข้อมูลตัวเลขที่อ้างว่า ได้มาจากแหล่ง “ที่น่าเชื่อถือ” เอาชิ้นส่วนมาประกอบกันเป็นนิทานเรื่อง “กลุ่มผลประโยชน์ครอบงำ ปตท.ปล้นชิงพลังงาน ปตท ปล้นทรัพยากรไทย” เพื่ออธิบายว่า นี่คือสาเหตุที่น้ำมันมีราคาแพง

กลุ่มพันธมิตรพวกนี้ลงทุนลงแรงอย่างมาก เอาคนมาอุปโลกน์ตัวเองเป็น “นักวิชาการเครือข่ายพลังงาน” เที่ยวเดินสายบรรยายไปทั่วประเทศอ้างอิงตัวเลขข้อมูลจริงปนเท็จ ปลุกกระแสเกลียดชัง ปตท.กระตุ้นให้มีการตั้ง “กลุ่มทวงคืน” ตามที่ต่างๆ เป็นเครือข่ายทั่วประเทศคนพวกนี้อาศัยความสลับซับซ้อนของธุรกิจพลังงานบวกกับความผิดพลาดในนโยบายพลังงานและภาษีของรัฐบาลไทยที่ตกทอดกันมาตั้งแต่ยุค 2520 ถึงปัจจุบัน ใช้เป็นจุดอ่อนในการโจมตีและบิดเบือนความจริงอาศัยความไม่พอใจต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทยและความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันแพงเป็นตัวกระตุ้นและเพื่อดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมมากที่สุดคนพวกนี้เริ่มต้นจึงยังไม่กล่าวเจาะจงว่า “กลุ่มผลประโยชน์” ดังกล่าวคือใครแม้หลายครั้งจะกล่าวลอยๆ ว่าเป็น ทุนสามานย์ (ซึ่งเป็นคำที่พวกพันธมิตรหมายถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและพรรคพวก)จงใจปล่อยให้คนเสื้อแดงที่เข้าร่วมขบวนเข้าใจเอาเองว่า “กลุ่มผลประโยชน์” ที่ว่าคือกลุ่มทุนจารีตนิยม ทั้งที่เป้าโจมตีที่แท้จริงของคนกลุ่มนี้ก็คือพ.ต.ท.ทักษิณและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ดังจะเห็นได้ว่าแม้แต่กรณีการเริ่มเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนสามจังหวัดภาคใต้ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาเกี่ยวข้องเมื่อเร็วๆ นี้ก็ยังถูกคนพวกนี้บางคนกล่าวหาว่าพ.ต.ท.ทักษินทำไปเพื่อต้องการฮุบผลประโยชน์พลังงานในทะเลสามจังหวัดภาคใต้คนเสื้อแดงที่ไปตามแห่ขบวนการ ทวงคืนพลังงานไทยมักจะเป็นกลุ่มที่มีความไม่พอใจพรรคเพื่อไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจากประเด็นการแก้ไข ป.อาญา ม.112 กรณีการรับรองเขตอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและการนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง เป็นต้นคนเสื้อแดงบางส่วนเชื่อไปถึงขั้นที่ว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้หักหลังคนเสื้อแดง หันไป “เกี้ยเซี้ย” สมคบกับพวกจารีตนิยม ร่วมแบ่งปันผลประโยชน์กันในธุรกิจพลังงานโดยผ่านปตท.อีกด้วย นัยหนึ่งเห็นทั้งกลุ่มจารีตนิยมและรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเป็นศัตรูร่วมไปแล้วคนพวกนี้มีแรงจูงใจทางการเมืองเบื้องหลังเป็นพวกพันธมิตรเสื้อเหลืองการตอบโต้คนพวกนี้ก็คือต้องเปิดเผยให้เห็นถึงต้นกำเนิดทางการเมืองและจุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขารวมทั้งต้องให้ข้อมูลความจริงที่ชัดเจนแก่ประชาชนในประเด็นเกี่ยวข้องทั้งหมด ในส่วนหลังนี้ ที่ผ่านมาทั้งกระทรวงพลังงานและปตท.บกพร่องอย่างยิ่งในการชี้แจงให้ทันท่วงทีเป็นระบบและชัดเจน

ทั้งหมดนี้ ก็มิใช่เพื่อปกป้อง ปตท.หรือพรรคเพื่อไทย และไม่ต้องไปถามใครต่อใครว่าพลังงานไทย พลังงานใคร พลังงานเป็นของประชาชนทุกคน และเพื่อปกป้องขบวนประชาธิปไตย มิให้ไขว้เขวออกไปจากเป้าหมายที่แท้จริงคือต่อสู้กับพวกเผด็จการและบรรลุประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ได้เร็ววัน

ขอบคุณที่มาจาก: http://pichitlk.blogspot.com/2013/03/blog-post_15.html

Share This: