คำครหาหุ้นปตท.เป็นของ ทักษิณ
ช่วงนี้ผมเห็นราคาหุ้นของกลุ่มปตท.มีหลายตัวลงมาเยอะ ผมเลยทำการบ้านด้วยการหาข้อมูลเพื่อที่จะได้ลงทุนยาวๆบ้าง แต่พอหาข้อมูลในกูเกิลตามคำแนะนำของท่านนายกฯที่ว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่หาข้อมูลจะเสิร์ชในกูเกิลก็จะรู้เรื่องทั้งหมด พอผมเสิร์ชแล้วลองอ่านไล่ไปเรื่อยๆ เจอประเด็นที่เป็นจุดกำเนิดของเรื่องดราม่าของหุ้นปตท. ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 2540 ที่เกิดวิกฤตต้มยำกุ้งในบ้านเรา แล้วมีการกู้ยืม กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือเราที่เรียกว่า IMF (International Monetary Fund) แล้วในการกู้ยืมเขาก็กำหนดให้เอากิจการในมือรัฐบาลขายออกมาทอดตลาดแล้วให้ต่างชาติมาถือครองได้(เอาเปรียบชัดๆ) แล้วเงื่อนไขหนึ่งก็คือการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ IMF อ้างว่าเพื่อเป็นทุนนิยมและเพื่อการเข้าถึงเงินทุนได้มากขึ้น แม้เจตนาดีอาจจะมีวัตถุประสงค์ลึกๆ แต่ก็เพื่อความเป็นสากลและเพื่อความอยู่รอดตอนนั้น จึงค่อยๆ ทำการแปรรูปรัฐวิสาหกิจทีละหน่วยงาน
ปตท.เองก็ถูกแปรรูปซึ่งเริ่มกระบวนการตั้งแต่ปี 2542 โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในขั้นต้น ก่อนที่จะแปรสภาพเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปลายปี 2544 โดยกระทรวงการคลังจะถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 เพื่อคงสภาพความเป็นเจ้าของ โดยก็ต้องออกกฎหมายเฉพาะขึ้นมาอีก(กรณีพิเศษมากมายเลยถูกโจมตีแต่ใส้ในเนื้อหาของแต่ละเรื่องนั้นก็เพื่อส่วนร่วมประเทศชาติและคนในชาติทั้งนั้นนะครับ) ซึ่งรัฐบาลที่เป็นคนเริ่มต้นแปรรูปรัฐวิสาหกิจคือรัฐบาลสมัยคุณชวน หลีกภัยที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์สมัย คุณทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลายๆ คนมองว่ายุคนั้นเป็นยุคทุนนิยม ที่เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นและก็ด้วยตามแผนที่มีก็ต้องแปรรูปรัฐวิสาหกิจอีกซึ่งก็ถูกคัดค้านต้านทานอย่างหนักจากคิวต่อไปอย่างการไฟฟ้าฝ่ายผลิต แต่เนื่องจากหลายๆ ฝ่ายมองว่าการไฟฟ้าคือความมั่นคงของชาติเพราะทุกครัวเรือนไทยต้องใช้ อีกทั้งยุคสมัยนั้นคุณทักษิณก็ได้ทำการขายหุ้นสื่อสารที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลในกลุ่มธุรกิจของตัวเองให้แก่เทมาเซ็ก ซึ่งเป็นของรัฐบาลสิงคโปร์จึงถูกโจมตีทางการเมืองและเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ทำให้มีการปฏิวัติตามมา
อ่านถึงตรงนี้คงสงสัยใช้ไหมครับว่า แล้วคุณทักษิณไปเกี่ยวอะไรกับปตท.ล่ะ ก็เพราะตอนประท้วงนั้นแหละครับฝ่ายที่ต้องการสร้างมวลชนก็หยิบยกประเด็นต่าง ๆ ขึ้นมา สร้างวาทกรรมหลากหลาย ทั้งขายชาติ, สมบัติชาติ, รวยจากโกง ฯลฯต่าง ๆ นานรวมถึงการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ที่ชื่อว่า ปตท. โดยบอกว่าคุณทักษิณ เอานอมินีมาซื้อหุ้นตอนแปรรูป ทำให้ได้ผลประโยชน์มากมาย ที่ร่ำรวยมาได้มหาศาลเพราะหาผลประโยชน์มิชอบ แต่นั้นก็ไม่ได้มีการพิสูจน์อะไรเลยนอกจากคำพูดของกลุ่มแก่นนำ ในการปิดสมุดรายชื่อตั้งแต่ ปตท. ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่เคยปรากฏเลยว่ามีรายชื่อของคุณทักษิณ หรือคนตระกูลชินวัตรถือหุ้น ปตท. เกิน 1 เปอร์เซ็นต์ จนเมื่อช่วงต้นปี 2556 มีการออกมาแถลงว่า ตระกูลชินวัตรถือหุ้นใน ปตท.จริง แต่เพียง 0.002 เปอร์เซ็นต์ ของหุ้นทั้งสิ้น 2,850 ล้านหุ้น และมีผู้ลงทุนกว่า 5 หมื่นคน(https://www.posttoday.com/economy/news/211068) คือ น.ส.พิณทองทา ชินวัตร บุตรสาวนาย ทักษิณ ที่ถือหุ้น 4,100 หุ้นแต่ได้ขายไปแล้ว และนายพอพงษ์ ชินวัตร บุตรชายนายพายัพ ชินวัตร แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ถือหุ้น 3,600 หุ้น รวม 2 คนถือหุ้นเพียงแค่ 7,700 หุ้นเท่านั้นเอง
เมื่อคุณทักษิณถูกปฏิวัติแล้วจากนั้นเป็นต้นมา ก็เริ่มมีคนนำเอาประเด็นการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ(ปตท.)มาใช้เป็นเป้าโจมตีรัฐบาลเรื่อยมา ทั้ง ๆ ที่มันผ่านพ้นมานานมากแล้วและขณะที่เกิดสภาวะฟองสบู่แตกเมื่อปี 40 คนเหล่านี้ก็ไม่ได้มาช่วยกันแก้ไขอะไรเลย หากจะอยากให้รัฐบาลกลับมาเป็นเจ้าของปตท.ทั้งหมดอีกครั้ง รัฐบาลก็จะต้องทำการตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นคืนทั้งหมด หรือที่เรียกกันว่า เทนเดอร์ ออฟเฟอร์ (Tender Offer) ก็จะใช้เงินราว 6.2 แสนล้านบาท จากหุ้น 28,563 ล้านหุ้นในราคา 44.25 บาท (ข้อมูลจาก set.or.th วันที่ 17 ตุลาคม 2562) หรือกลุ่มที่ประท้วงก็สามารถทำได้โดยการไล่ซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เพื่อเอามาคืนให้แก่รัฐบาลครับ(คงเป็นไปไม่ได้)
โดยทั้งหมดทั้งมวลที่ได้อธิบายไป ผมอยากเพียงแต่จะอธิบายรวม ๆ ว่าที่ข้อมูลที่เจอในกูเกิลนั้น เป็นเรื่องเล่าทางการเมืองซะส่วนใหญ่เท่านั้นเองครับ การนำคุณทักษิณมาพาดพิงกับปตท.เป็นเหมือนการสร้างผีขึ้นมา ให้คนกลัวแล้วให้หันไปเลื่อมใสหมอผีอุดหนุน