เรื่องหยุดสัมปทานปิโตรเลียมนี่เห็นกลุ่มต่อต้านหยิบมาบอกโน่นนิดนี่หน่อยแล้วก็รู้สึกว่าคนพวกนี้เก่งในการหาข้อมูลนะ แต่ที่เก่งกว่าคือการบอกความจริงไม่หมดนี่สิ ก็ไม่รู้ว่าที่มาเรียกร้องให้หยุดสัมปทานปิโตรเลียมกันแล้วเรียกร้องอยากใช้ระบบแบ่งปันผลผลิตแบบมาเลเซียนั้นกลุ่มต่อต้าน Share This:
พอดีได้มีโอกาสอ่านคอลัมน์เทศมองไทย จากหนังสือมติชนสุดสัปดาห์ประจำวันที่ วันที่ 4-10 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานในภูมิภาคและประเทศเราว่าปตท ทรราชน้ำมัน จริงหรือไม่ หมายเหตุ: ต้องขออภัยหากอ่านไม่ชัดเจน scan มาได้ชัดสุดแค่นี้ ขออนุญาตหยิบเฉพาะในกรอบสีแดงมาให้อ่านกัน “กลับมาดูประมาณการเป็นรายประเทศกันบ้าง รายงานของไออีเอระบุเอาไว้ว่า ประเทศไหนใน 10 ชาติอาเซียนตะกรามพลังงานเข้าไปมากที่สุด คำตอบก็คือไทยกับอินโดนีเซีย ในขณะที่ภาพรวมทั้งภูมิภาคความต้องการเพิ่มสูงขึ้นมากแล้ว ความต้องการในไทยกับอินโดนีเซียยิ่งมากขึ้นไปอีก ไออีเอระบุอีกว่า ในอีก 20 ปีความต้องการพลังงานของไทยและอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้นราวๆ 3 เท่าตัวของปริมาณที่ใช้กันอยู่ในเวลานี้ ส่งผลให้มูลค่าการนำเข้าพลังงานของไทยและอินโดนีเซียจะเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวไปอยู่ที่เกือบ 70,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2535” ไม่รู้ว่ากับบางกลุ่มบางพวกที่ยังเข้าใจว่าปตท ทรราชน้ำมัน และยังเข้าใจอีกว่าประเทศเรามีบ่อก๊าซ บ่อน้ำมันมาก นี่นอกจากไม่ “ตระหนัก” ยังจะปักใจเชื่อแกนนำไม่กี่คนอยู่อีกไหมนี่ บอกตรงๆ ไม่อยากเห็นคนไทยทะเลาะกันด้วยการบิดเบือนในเรื่องปตท ทรราชน้ำมัน และบิดเบือนข้อมูลของคนกลุ่มนี้ สุดท้ายมีหนังสือวิเคราะห์ด้านสถานการณ์พลังงานมาฝาก เผื่อใครสนใจลองหยิบหามาอ่าน ขออนุญาตนำมาบอกต่อ Share This:
เรื่องราวและที่มาอธิบายได้ตามภาพนี้ ตามรายละเอียดไม่ได้มีการนำเสนอเหตุและผลที่รัฐบาลอินโดนีเซีย อดีตประเทศสมาชิกกลุ่ม OPEC มีความจำเป็นในการต้องออกนโยบายดังกล่าว ซึ่งเป็นการหักดิบต่อความนิยมทางการเมืองของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง กลับมีแต่การปลุกระดมให้คนไทยลุกฮือ บอกคนไทยมันโง่บ้าง ไทยเฉยบ้าง ทำไมไม่เอาอย่างชาวอินโดนีเซียกันบ้าง ผมว่าชาวทวงคืนนี่ชักจะเพี้ยนไปกันใหญ่แล้วล่ะก่อนอื่นคงต้องเท้าความกันสักหน่อยว่า (คงต้องแตะเรื่องสีเสื้อสักเล็กน้อยครับ) ต้นกำเนิดของการทวงคืน ปตทนี่มันเริ่มมาจากกลุ่มพันธมิตรนำโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร (นึกถึงคนๆ นี้แล้ววลีนี้ก็ก้องอยู่ในหูผมครับ “ท้ากสิน…ออกไป๊” ทั้งๆ ที่เขาคนนั้นก็ออกไปตั้งนานละ แต่การเมืองกลุ่มก้อนนี้ก็ยังไปไม่พ้น “ท้ากสิน…ส้ากที” โอเคครับกลับมาที่เรื่องของเราดีกว่า) และเรื่องการทวงคืนท้ากสิน เอ๊ย!!! ทวงคืน ปตท นี่ก็เงียบหายไปช่วงหนึ่งในสมัยรัฐบาลขิงแก่ต่อด้วยรัฐบาลประชาธิปัตย์มันกลับมาหนักข้อขึ้นมาอีกครั้งก็ตอนเมื่อน่าจะต้นปีที่แล้วนี่ล่ะเมื่อมีผู้เชียวชาญพลังงานท่านหนึ่งตกจากตึกแกรมมี่มาจุติเป็น “ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน” ร่วมกับ “สอวอหญิงท่านหนึ่ง” ที่ก็มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลปัจจุบันพอสมควร ขณะที่ทางกลุ่มเสื้อแดงเองซึ่งค่อนข้างมีความหลากหลายทางอุดมการณ์ก็มีคนเสื้อแดงบางคนหันมาเล่นเรื่อง “ทวงคืน ปตท” กับเขาบ้างโดยไปๆ มาๆ คนซื้อแดงกลุ่มนี้ก็รวมตัวกับกลุ่มสอวอ&หม่อม แล้วสร้างวาทะกรรมว่า “เรื่องพลังงานเป็นเรื่องของส่วนรวมไม่มีสีเสื้อเข้ามาเกี่ยวข้อง” ไปออกเวทีร่วมกันในพื้นที่เหลืองบ้าง แดงบ้าง ปะปนกันไป เพื่อให้ข้อมูลจริง (ที่เอาไปพูดไม่หมด) เพื่อหามวลชนและพวกพ้อง อีกทางหนึ่งคราวนี้เราไปไกลสักหน่อยที่มาบตาพุด มีวิศวกรท่านหนึ่งไม่พอใจเรื่อง ปตท ไม่ตอกเสาเข็ม (ไม่รู้แกเป็นอะไรกับเสาเข็มมากมั๊ยอาจจะมีปมด้อยเรื่องเสาเข็มอะไรสักอย่าง) ออกมาสร้างเพจ “กลุ่มพิทักษ์อากาศสดชื่นมาบตาพุด” สร้างไปสร้างมาแกเริ่มสนุก เลยสร้าง “ทวงคืนพลังงานไทย“ ต่อด้วย “Thai Energy Get Back” และล่าสุด “แหล่งน้ำมันในเมืองไทย” ด้วยการทำ Infographic จับแพะชนแกะอันลือลั่นเพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้านพลังงาน เอาล่ะครับ 3 ย่อหน้าที่กล่าวมารวมถึงลูกเพจที่เชื่อข้อมูลของกลุ่มดังกล่าวสุดริ่มทิ่มประตูนั้น ผมขอเรียกรวมๆ ว่า “ชาวทวงคืน ปตท” แล้วกัน อย่างที่ผมบอกครับว่าชาวทวงคืนไม่มีการนำเสนอเหตุและผลที่รัฐบาลอินโดนีเซียมีความจำเป็นในการต้องออกนโยบายดังกล่าวเลยผมขออนุญาตลองวิเคราะห์ดูว่าเหตุใดรัฐบาลอินโดฯจึงยอมหักดิบทุบหม้อข้าวฐานเสียงตัวเองอย่างนั้น จากข้อมูลที่หาได้ในอินเตอร์เน็ตนี่ล่ะ อ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://pantip.com/topic/30625508 Share This: