เมื่อไรคนไทยจะเลิกใช้ “ความรู้สึก” แล้วหันมา “ทำความเข้าใจ”
เนื่องจากราคาน้ำมันในช่วงนี้ผันผวนแปรปรวนเป็นอย่างมาก และบังเอิญได้ไปเจอกระทู้นี้ในพันทิป http://pantip.com/topic/30335993 ซึ่งสอดคล้องกับปัญหาราคาน้ำมันในตอนนี้ จึงอยากจะนำมาอ้างอิงในที่นี้ เนื้อความจากกระทู้เรื่องราคาน้ำมันมีอยู่ว่า
คือผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอกนะที่คนนั้นคนนี้เขาจะใช้ความรู้สึกในเชิง “บ่น” แต่ผมหมั่นไส้ไอ้พวก “ด่า” ปตท กำไรแสนล้านมากกว่า ซึ่ง “ด่าเพราะไม่รู้” ยังพอรับได้ แต่ “ด่าทั้งที่มีคนอธิบายแล้วแต่โง่เองหรือไม่เปิดใจรับฟังนี่” มันน่าหยิกแก้มนัก
อ้างอิงจากกระทู้ http://pantip.com/topic/30335188 ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น ราคาเบนซินสิงคโปร์ ถึงได้ดิ่งเหวขนาดนี้??
คนไทยเลิกใช้ความรู้สึกแล้วมาดูข้อเท็จจริงมีข้อมูลประกอบกันสักที เอาข้อมูลมาให้แล้วแต่เข้าใจว่ายังย่อยให้ละเอียดไม่พอ คืออย่างนี้บ้านเรา
ปรับราคาน้ำมันครั้งล่าสุดไกลหน่อยเมื่อ 22 มีนาคม 56
ปรับราคาครั้งใกล้ๆมาหน่อย 4 เมษายน 56 (ปรับขึ้น)
ปรับราคาครั้งล่าสุด สุดๆไปเลย 5 เมษายน 56 (ปรับลง)
ข้อมูลราคาน้ำมันย้อนหลัง: http://www.eppo.go.th/petro/price/index.html
คุณลองสังเกตราคาน้ำมันระหว่าง 22 มีนาคม – 3 เมษายนสิว่ามันขึ้นหรือลง ขึ้นใช่ไหม แล้วคุณเคยคิดกันบ้างไหมว่า ทำไมราคาบ้านเราไม่ปรับขึ้น?
ก็เพราะผู้ค้าเขายอม absorb ส่วนต่างนั้นให้ และ/หรือเอาเงินกองทุนน้ำมันออกมาช่วย ยังไงเล่า
จะเอากันอย่างนี้หรือครับ ปรับขึ้นปรับลงมันทุกวันเลยตามตลาดสิงคโปร์ไปเลย คุณไม่สงสารเด็กปั๊มมันมั่งเรอะ ไอ้ปั๊มที่เป็นป้ายไฟน่ะไม่เท่าไร แต่ไอ้ปั๊มที่ต้องปีนไปเปลี่ยนนี่สิ ได้ตกมาตายกันบ้างล่ะ
จากเนื้อความข้างต้น ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ที่บางคนตราหน้า ปตท กำไรแสนล้าน เป็นบริษัทที่เอาเปรียบคนไทย ราคาน้ำมันขึ้นก็ขึ้นทันที ลงรอดูก่อนได้ไหม (ครั้งนี้เขาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าถ้าลงก็ลงทันทีเหมือนกัน) ราคาน้ำมันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน เศรษฐกิจสมัยนี้เช่นกันต่างจากสมัยก่อนมากโข ค่าเงินถูกลง สินค้าแพงขึ้น ค่าครองชีพสูงขึ้น ของทุกอย่างก็ต้องปรับเปลี่ยนราคาไปตามยุคสมัย ขนาดทองสมัยก่อนขายบาทละแค่ 800-1,000 บาท สมัยนี้พุ่งไปเกือบสองหมื่น! บางทีใช้ความเข้าใจกับสถานการณ์ตอนนี้ ก็ดีกว่าหลอกตัวเองไปวันๆว่าน้ำมันควรจะถูกกว่านี้