ไขทุกข้อสงสัย … กับบทสรุป ปตท. นั้น เพื่อใคร?
มีข้อมูลที่บิดเบือนอยู่มากมายในโลกโซเชียล ที่นำพาไปสู้ความเข้าใจผิด โดยเฉพาะกับ บริษัทที่ถูกโยงไปเป็นประเด็นทางการเมือง อย่าง ปตท. เกิดเป็นคำถาม “ปตท. ทำเพื่อใคร?” ทั้งเรื่องการตั้งบริษัทบนเกาะเคย์แมน การแปรรูป รวมถึงเรื่องราคาพลังงาน
เรื่องราวเหล่านี้ถูกพูดถึงบ่อย และหลายคนก็พยายามตั้งคำถาม โดยไม่สนใจว่าคำตอบของคำถามเหล่านี้ ก็มีข้อมูล มีการออกมาตอบอยู่เรื่อยๆ โดยไม่มีการพยายามปิดบังอะไร ซึ่งจะขอแยกอธิบายออกเป็นข้อๆ ดังนี้
- ไม่มีบัญชีลับอะไรใด เพราะ บริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ต้องแสดงทรัพย์สิน รวมถึงรายรับรายจ่าย มีกรรมการ มีผู้ตรวจสอบจากภายนอกด้วย แถมยังมี สตง. รับรองบัญชีอีก
- ปัจจุบัน คุณไพรินทร์ หมดวาระเป็นประธาน ปตท. ไปแล้ว
- เกาะเคย์แมนไม่ได้เป็นเกาะฟอกเงินอย่างในหนัง เป็นการเปิดเพื่อกระจายความเสี่ยง ปัจจุบันมีกฎหมายรองรับ มีการตรวจสอบ มีการรายงานลงในบัญชี สามารถตรวจสอบได้ใน 56-1
- การลงโฆษณาในสื่อ เป็นหลักของการตลาด เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าสินค้าใดๆ ก็มีการประชาสัมพันธ์
- การแปรรูป ปตท. เริ่มสมัยคุณชวน เมื่อประมาณ ปี 42 โดยหุ้น ปตท.เข้าตลาดหลักทรัพย์ซื้อขายวันแรก 6 ธ.ค. 2544 ด้วยมูลค่าตลาดประมาณ 90,000 ล้านบาท หุ้นใหญ่ขนาดนี้ต้องใช้เวลาเตรียมตัวพร้อมทำไฟริ่งไม่น้อยกว่า 1 ปี แน่นอน ขณะที่นายกทักษิน เป็นนายกรัฐมนตรีวันที่ 9 ก.พ. 2544 แสดงว่านโยบายการแปรรูป ปตท.ได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้นานพอสมควรแต่มาแล้วเสร็จในยุคทักษิณพอดี
- หุ้นที่บอกว่า ไม่ได้ชื่อกระทรวงการคลัง จริงๆ แล้ว อย่างสำนักงานประกันสังคม ก็ถือเป็นการลงทุนของรัฐ
- บริษัท นอมินี เหล่านี้ ก็เป็นอีกช่องทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติหลายๆคน การลงทุนผ่านทางบริษัทนอมินีของสถาบันการเงินเหล่านี้คล้ายๆ กับบริษัทไทยเอ็นวีดีอาร์ของบ้านเรานั่นเองที่ช่วยกระตุ้นการลงทุนระดมทุนของนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งผู้ถือหุ้นผ่านนอมินีเหล่านี้จะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงหรือกำหนดนโยบายใดๆ ในบริษัทได้เลย
ปตท.ขายหุ้นให้กับบุคคลทั่วไป ผ่าน Thai VDNR จำนวน 5.1% ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บุคคลทั่วไปต้องไปซื้อจาก บริษัทดังกล่าว ไม่ใช่ไปซื้อตรงจาก ปตท. ทุกวันนี้ก็เปิดซื้อขายอยู่ เรื่องที่ว่ามีการจองหุ้นกัน ก็จองผ่านบริษัทนี้ครับ และที่อ้างว่าหุ้นหมดซื้อไม่ทัน มันก็ไม่เกี่ยวกับ ปตท.เลย ด้วยเหตุผลข้างต้นครับ
- เงินปันผล ปตท เข้าพรรคเพื่อไทย ด้วยความที่ กระทรวงการคลังถือหุ้น ปตท.ใหญ่ เงินก็ต้องเข้ากระทรวงการคลังดิ คนคิดว่าเข้าพรรคเพื่อไทย มโนอะไรก็ให้มีขอบเขตกันหน่อย
- มาเลเซียน้ำมันลิตรละ เท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ทราบหรือไม่ เค้ามีการไม่เก็บเงินภาษีสินค้าและบริการ GST ทำให้ราคาน้ำมันเค้าถูก แต่เค้าต้องแลกกับการติดงบทางการศึกษา
- เรื่องการยกเลิกเบนซิน 91 95 ก็บ้าบอ เค้ายกเลิกแต่เบนซิน 91 เพราะสนับสนุนพลังงานทดแทน ที่เป็นพระราชดำริของในหลวง เพื่อลดการนำเข้าน้ำมันดิบ เพื่อลดมลพิษทางอากาศ
- ปตท.สผ. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในแปลงสัมปทานของแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” ไม่เคยมีการถือหุ้นในแหล่งน้ำมัน “นงเยาว์” และ ที่สำคัญได้ถอนตัวออกเมื่อ ปี 2543
- LPG ที่มีการปรับราคา เพื่อสะท้อนต้นทุนการใช้ในประเทศ เป็นไปตามนโยบายปฎิรูปพลังงานสะท้อนราคาที่แท้จริง
- ก๊าซจากอ่าวไทย ทุกวันนี้ใช้ผลิตไฟฟ้ามากที่สุด และไม่มีการส่งออก แถมยังต้องนำเข้า LNG เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ
- การปลดบอร์ด ปตท. ต้องอาศัยมติที่ประชุมบอร์ด ไม่ใช่อยากปลดก็ปลด ไม่งั้นสะเทือนเศรษฐกิจตลาดหุ้นไทยแน่นอน
เรื่องราววาทะกรรมเป็นเรื่องที่สร้างง่าย และลุกลามอย่างรวดเร็วกว่าความจริงนัก ซึ่งหากใครที่ติดตามข่าวสารพลังงานมาตลอดก็จะทราบดีว่า จริงๆ แล้ว สิ่งที่ ปตท. ทำ ใช่เพื่อใคร แต่ก็เพื่อสเถียรภาพทางพลังงานของคนทั้งชาตินั่นเอง
… อันนี้หน่ะแชร์เถอะ เพื่ออนาคตของลูกหลาน เพื่อความจริงเรื่อง ปตท. จะได้ไม่ให้ใครมาหลอกเรา
เครดิตข้อมูล : http://energythaiinfo.blogspot.com/2018/05/blog-post_23.html