อ่าวพร้าวปรอทเกิน 29 เท่า ไม่ต้องห่วงคุณปลอดประสพกะชูวิทย์มากนัก ห่วงท่องเที่ยวดีกว่า
จากข่าว “เจอน้ำทะเลอ่าวพร้าว สารปรอทเกิน 29 เท่า” http://m.dailynews.co.th/politics/225846
เข้าใจหลักการพาดหัวข่าวนะ ตามหลัก “ข่าวร้ายขายฟรี ข่าวดีเสียตังค์” สำหรับใครที่อ่านเฉพาะพาดหัวข่าว ก็อาจจะคิดว่าสถานการณ์อ่าวพร้าวมันคงจะเลวร้ายเสียเต็มที ลองอ่านตามที่ขีดเส้นใต้และไฮไลต์ไว้ สีเขียวคือข่าวดี สีแดงคือข่าวร้าย เส้นใต้คือข้อเท็จจริงที่อยากเน้นให้เข้าใจ ถ้าจะขออนุญาตพาดหัวข่าวเสียใหม่โดยไม่เน้นความหวือหวาเข้าว่าและรู้ทัน ปตท น่าจะได้ดังนี้ “น้ำทะเลรอบเกาะเสม็ดเกือบทั้งหมดปลอดภัยจากสารโลหะหนักต่างๆ ยกเว้นที่อ่าวพร้าวพบมีสารปรอทเกินค่ามาตรฐาน 29 เท่า”
ตามเนื้อหาข่าวในภาพที่ 2 สรุปสาระสำคัญได้ว่า
1. นอกจากตรวจพารามิเตอร์ดังกล่าวในภาพแล้วก็ยังมีการตรวจ PAHs ก็พบว่าไม่เกินมาตรฐาน ตรวจ TPH อันนี้ผลน่าจะออกวันนี้ (15 ส.ค.)
2. แต่ผลที่ออกมานี้ไม่ใช่ผล ณ เวลาปัจจุบัน มันเป็นการเก็บตัวอย่างตั้งแต่วันที่ 3-4 ส.ค. ถ้าเอาตัวเลขปัจจุบันก็น่าจะลดลงไปมากอยู่ (แต่ก็ไม่รู้เท่าไร) ก็แนะนำว่าถ้าเลี่ยงได้ก็อย่าไปเล่นน้ำทะเลที่อ่าวพร้าวและอ่าวทับทิมจนกว่าจะทราบผลของการเก็บตัวอย่างเมื่อวันที่ 8 สคที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบในวันที่ 15 สค นี้
3. อ่าวทับทิมที่มีค่าปรอทเกินมาตรฐานนั้นไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของน้ำมันดิบ แต่เกิดจากการทิ้งน้ำเสีย
4. การเก็บตัวอย่างและวิเคราะห์ครั้งนี้มีค่าใช้จ่ายประมาณ 3 ล้านบาทแล้ว ก็ไม่ต้องห่วงจะตามเก็บจาก PTTGC ให้ครบ
ประเด็นที่อยากจะสื่อก็คือดูเหมือนจะมีคนเป็นห่วงนักการเมืองสองคนคือคุณปลอดประสพกับคุณชูวิทย์เหลือเกิน
ภาพ http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000100622
ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่าปรอทมันเข้าสู่ร่างกายได้ยังไงบ้าง อ้างอิงข้อมูลจากhttp://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_toxic/a_tx_1_001c.asp?info_id=79
1.ทางจมูก โดยสูดเอาผง หรือไอปรอทเข้าสู่ปอด เนื่องจากปรอทสามารถระเหยกลายเป็นไอได้ง่าย
2.ทางปาก โดยการรับประทานเข้าไป มักเกิดจากอุบัติเหตุปะปนกับอาหารหรือน้ำดื่ม
3.ทางผิวหนัง โดยการดูดซึม ไอระเหยหรือฝุ่นละอองของปรอททำให้ผิวหนังระคายเคืองเกิดโรคผิวหนังได้
จะเห็นว่าในกรณีสารปรอทที่ปนเปื้อนในน้ำทะเลนั้นโอกาสจะเข้าสู่ร่างกายมีได้ทางเดียวคือการกินน้ำทะเลเข้าไปนั่นล่ะครับ ในกรณีนี้ 2.9 ไมโครกรัมต่อลิตร สารปรอทไม่มีความเข้มข้นมากพอที่จะเข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีอื่นหรอกครับ
อาการพิษเกิดจากปรอท
พิษชนิดเฉียบพลัน มักเกิดจากอุบัติเหตุโดยการกลืนกินสารปรอทเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งปริมาณปกติที่ได้รับเข้าสู่ร่างกายและทำให้คนตายได้ โดยเฉลี่ยประมาณ 0.02 กรัม ลองมาดูกันครับว่าคุณต้องกินน้ำทะเลเข้าไปเท่าไรจึงจะเกิดพิษเฉียบพลัน
วิธีทำ
ในน้ำทะเลตามข่าวมีปรอท = 2.9 ไมโครกรัมต่อลิตร = 2.9 x 10-6 กรัมต่อลิตร
ต้องดื่มน้ำทะเลเข้าไปเท่าไรจึงจะได้รับปรอทจำนวน 0.02 กรัม = (0.02 กรัม) / (2.9 x 10-6 กรัมต่อลิตร)
= 6,896 ลิตร
ดังนั้นถ้าวันนั้นนักการเมืองทั้งสองคนดื่มน้ำทะเลเข้าไป 6,896 ลิตร (ไม่นับว่าจะท้องแตกตายก่อนนะ) จะเกิดอาการพิษชนิดเฉียบพลันเพราะกลืนกินปรอท คือ
-อาเจียน ปากพอง แดงไหม้ อักเสบและเนื้อเยื่ออาจหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ
-เลือดออก ปวดท้องอย่างแรง เนื่องจากปรอทกัดระบบทางเดินอาหาร
-มีอาการท้องร่วงอย่างแรง อุจจาระเป็นเลือด
-เป็นลม สลบเนื่องจากร่างกายเสียเลือดมาก
-เมื่อเข้าสู่ระบบหมุนเวียนโลหิต ปรอทจะไปทำลายไต ทำให้ปัสสาวะไม่ออกหรือปัสสาวะเป็นเลือด
-ตายในที่สุด
พิษชนิดเรื้อรัง
ปรอทเมื่อเข้าสู่ร่างกายจะไปทำอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งได้แก่ สมอง และไขสันหลัง ทำให้เสียการควบคุมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของแขน ขา การพูด และยังทำให้ระบบประสาทรับความรู้สึกเสียไป เช่น การได้ยิน การมองเห็น ซึ่งอันตรายเหล่านี้ เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถรักษาให้กลับดีดังเดิมได้ อาการที่เป็นพิษมากเกิดจากการหายใจ ปอดอักเสบ มีอาการเจ็บหน้าอก มีไข้ แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกและตายได้
คงไม่มีคนสติดีที่ไหนไปตักน้ำทะเลดื่ม (ทุกวันอย่างต่อเนื่อง) จนถึงระดับอันตรายเป็นโรคมินามาตะหรอก ซึ่งถ้าทำอย่างที่ว่าจริงน่าจะตายด้วยโรคไตไปก่อนได้เป็นมินามาตะ
อีกอย่างธรรมชาติมันเยียวยาตัวเองได้ สิ่งที่ต้องการคือเวลา สถานการณ์น้ำมันดิบรั่วที่เกิดจากความเลวของ ปตทครั้งนี้ มันไม่ได้รุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้ ความเสียหายน่ะมันมีอยู่แล้ว การแก้ไข เยียวยาอะไรก็ต้องว่ากันไป อย่าไปดราม่าให้เรื่องมันใหญ่โตจนเกินไป ขอให้เสพสื่ออย่างเท่าทันแล้วกัน
……………………………………………………………………………………………………..
สรุปก็คือไม่ต้องไปห่วงนักการเมืองสองคนนั้นหรอกว่าจะเป็นจะตายเพราะความเลวของ ปตทจากปรอทในน้ำทะเลที่อ่าวพร้าวไหม ดังนั้นอย่าตื่นตระหนก หรือกระพือข่าวทำให้เกิดความเสียหายราวกับว่าแค่ไปเหยียบ หรือสูดอากาศที่อ่าวพร้าวแล้วมันจะเป็นจะตายเลย เสพข่าวหาความรู้เพิ่มเติมกันบ้างก็ดีนะ